Latest News57010118

รมช.ศธ.ตรวจเยี่ยม Partnership School

 เมื่อวันพุธที่ 15 สิงหาคม 2561 โดยมีนายสุวิทย์ กิ่งแก้ว รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส บริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) และคณะผู้บริหารระดับสูง บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด ซึ่งเป็นภาคเอกชนผู้ให้การสนับสนุน, นายบุญรักษ์ ยอดเพชร เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน, ผู้บริหารกระทรวงศึกษาธิการ, ผู้บริหารส่วนราชการจังหวัดเชียงราย ตลอดจนผู้อำนวยการ คณะครู นักเรียน และผู้ปกครอง ให้การต้อนรับและเข้าร่วมจำนวนมาก 

ศาสตราจารย์คลินิก นพ.อุดม คชินทร  กล่าวว่า เดินทางมาเยี่ยมโรงเรียนในจังหวัดเชียงราย ซึ่งเป็นหนึ่งใน 50 โรงเรียนในโครงการโรงเรียนร่วมพัฒนา ที่จะเป็นต้นแบบในการยกระดับคุณภาพทางการศึกษาของประเทศ โดยระบบบริหารจัดการที่ให้ความอิสระอย่างแท้จริงใน 3 ส่วน คือ อิสระในการออกแบบหลักสูตรเอง อิสระในการออกแบบจัดการเรียนการสอนเอง และอิสระในการบริหารจัดการเอง นอกจากนี้ยังเป็นการเตรียมวิชาชีพให้กับนักเรียนด้วย และมุ่งหวังให้โรงเรียนจะเป็นจุดเชื่อมโยงกับชุมชน เป็นแหล่งเรียนรู้ตลอดชีวิต และเป็นแหล่งพัฒนาวิชาชีพของคนในชุมชนอีกด้วย

สิ่งสำคัญอีกประการคือ ความร่วมมือของทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง ทั้งผู้ปกครอง ประชาชน องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น รวมทั้งภาคเอกชน ในการพัฒนาคุณภาพทางการศึกษาของลูกหลานของเรา เพราะต้องเข้าใจกันก่อนว่า กระทรวงศึกษาธิการมิใช่เจ้าของการศึกษาของทั้งประเทศ แต่ในทางกลับกันการศึกษาเป็นของทุกภาคส่วน การมีส่วนร่วมจึงเป็นเรื่องสำคัญจำเป็น ที่จะร่วมกำหนดทิศทางและภาพของคนไทยที่จะเติบโตไปสร้างความเปลี่ยนแปลงให้กับประเทศชาติแทนเราในอนาคต ซึ่งสิ่งเหล่านี้จะเกิดขึ้นได้ จะต้องเริ่มจากการมีส่วนร่วมของทุกคนในพื้นที่เพื่อพัฒนาการศึกษาให้เกิดผลสัมฤทธิ์อย่างเป็นรูปธรรมเสียก่อน จากนั้นภาคเอกชนก็จะช่วยให้เกิดการทำงานอย่างมีระบบใหม่ ๆ และรวดเร็วมากยิ่งขึ้น เพราะในความเป็นจริงภาคเอกชนก็มีความคล่องตัว ทันสมัย และมีเป้าหมายของงานที่ชัดเจนอยู่แล้ว

ดังนั้น กระทรวงศึกษาธิการจึงหวังให้ภาคเอกชนที่เข้ามาช่วยสนับสนุน ได้ช่วยนำการออกแบบการจัดการเรียนการสอน ให้เกิดการเปลี่ยนแปลงตั้งแต่หลักสูตรการเรียนการสอน ในขณะเดียวกันก็สอดคล้องกับบริบทของพื้นที่และเชื่อมโยงสู่ชุมชนโดยรอบโรงเรียนคู่พัฒนาด้วย จึงเชื่อว่าเมื่อโรงเรียนได้ร่วมมือกับภาคเอกชนและหน่วยงานท้องถิ่น ตลอดจนชุมชน จะทำให้โรงเรียนมีแรงผลักดันและมีพลังในการขับเคลื่อนมากขึ้น จนสามารถทำให้โรงเรียนในโครงการโรงเรียนร่วมพัฒนารอบแรกนี้ เป็นต้นแบบให้กับโรงเรียนสังกัด สพฐ. อีกกว่า 3 หมื่นโรงเรียนได้ในอนาคตอันใกล้ เพื่อสร้างให้ทุกโรงเรียนในประเทศไทย มีคุณภาพการศึกษาที่เท่าเทียมกันไม่ว่าจะอยู่ในเมืองหรืออยู่ในท้องถิ่นห่างไกลเพียงใดก็ตาม

นายประหยัด ทัพธานี ผอ.โรงเรียนอนุบาลดงมหาวัน กล่าวว่า โรงเรียนอนุบาลดงมหาวันได้เข้าร่วมโครงการโรงเรียนประชารัฐและโครงการโรงเรียนร่วมพัฒนา ภายใต้การสนับสนุนของบริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) โดยได้ดำเนินโครงการหลักใน 2 ส่วน คือ ส่วนแรกโครงการเรียนผ่านเทคโนโลยีสื่อสารผ่านเจ้าของภาษา เพื่อให้เด็กได้เรียนรู้และสื่อสารกับครูเจ้าของภาษาโดยตรง และส่วนที่ 2 “โครงการอุทยานการเรียนรู้แห่งยุวเกษตรกรรม” แบ่งการจัดการเรียนการสอนออกเป็น 7 ศูนย์การเรียนรู้สำหรับ 7 ชั้นเรียน ได้แก่ ชั้นอนุบาล 1-2 กิจกรรมการเลี้ยงปูและหอยขม, ชั้น ป.1 กิจกรรมเลี้ยงกบ, ชั้น ป.2 กิจกรรมเลี้ยงปลาดุก, ชั้น ป.3 กิจกรรมเลี้ยงไก่พื้นเมือง, ชั้น ป.4 กิจกรรมเลี้ยงไก่ไข่, ชั้น ป.5 กิจกรรมเพราะเลี้ยงเห็ดนางฟ้า และชั้น ป.6 กิจกรรมเลี้ยงปลาทับทิมในกระชัง ซึ่งโครงการนี้เป็นผลงานที่สร้างความภาคภูมิใจและโดดเด่นของโรงเรียน และได้รับการสนับสนุนจากบริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) ตลอดจนชุมชนและผู้ปกครองอย่างดีตลอดมา

นอกจากนี้ โรงเรียนยังได้ประชุมหารือร่วมกับบริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) เพื่อวางแผนพัฒนาการจัดการเรียนการสอนในอนาคตระยะ 5 ปี เน้นยกระดับโครงการเดิมและริเริ่มงานใหม่ ๆ อาทิ โครงการยุวเกษตรกรรม ด้วยรูปแบบการเรียนรู้ตามหลักการพัฒนาสมองหรือ BBL (Brain-based Learning), โครงการ ICT, โครงการสิ่งแวดล้อม, โครงการรายการทีวีดงมหาวัน Channel, โครงการจิตอาสา, โครงการสร้างมัคคุเทศน์น้อย โดยในส่วนของการพัฒนาครูจะเน้นพัฒนาเกี่ยวกับ ICT ด้านการศึกษา และภูมิปัญญาชุมชนด้านเกษตรกรรมต่อยอดผลผลิตของโรงเรียน

Comments

0 Comments